http://krupawana.igetweb.com
สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com

 หน้าแรก

 บทความ

 เว็บบอร์ด

 รวมรูปภาพ

 ติดต่อเรา

สถิติ

เปิดเว็บ17/03/2010
อัพเดท19/03/2023
ผู้เข้าชม1,196,736
เปิดเพจ2,066,292

อนุรักษ์ศิลปหัตถกรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น

อยากให้อ่านตรงนี้ก่อน

กำเนิดของเศรษฐกิจพอเพียง

พ่อหลวงในดวงใจของฉัน

การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีชีวภาพเบื้องต้นในชีวิตประจำวัน

วิธีทำผลิตภัณฑ์ชีวภาพในครัวเรือนสูตรชีวภาพ

ทำการเกษตรวิธีอินทรีย์ชีวภาพดีกว่าใช้สารเคมี

การพึ่งพาภูมิปัญญาอย่างพอเพียง

ปฎิทิน

« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    
iGetWeb.com
AdsOne.com

มะเฟืองเปรี้ยว: หนึ่งในต้นไม้เพื่อความพอเพียง

 

    อยากแนะนำให้คุณหาต้นมะเฟืองเปรี้ยวมาปลูกไว้ในบริเวณบ้านสักต้น แล้วคุณจะได้รู้ว่า"มะเฟืองเปรี้ยว เป็นต้นไม้เพื่อความพอเพียงจริงๆ"

                             
                                            
มะเฟือง หรือ starfruit มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Averrhoa Carambola  อยู่ในวงษ์ AVERRHOACEAE
เป็นไม้ยืนต้นที่ปลูกง่าย เจริญเติบโตได้ในดินทุกชนิด มีผลรูปทรงน่ารักแปลกตาแต่มีรสเปรี้ยวมาก จึงถูกมองข้ามความสำคัญไปไม่ค่อยมีใครให้ความสนใจที่จะหามาปลูกกันมากนัก อาจเป็นเพราะว่ายังไม่ทราบว่ามะเฟืองเป็นต้นไม้ชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง เนื่องจากให้ปัจจัยในการดำรงชีวิตครบทั้ง 4 ด้าน คือ
      1.ในด้านการเป็นอาหาร
            ผลมะเฟืองสดที่มีรสเปรี้ยวจี๊ดนั้นอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ ทั้งแคลเซี่ยม ฟอสฟอรัส วิตามินซี และวิตามินเอ เมื่อนำมารับประทานเป็นผักเคียงกับแหนมเนือง หรือผัดไทยสูตรโบราณ รสชาติจะไปด้วยกันได้อย่างยอดเยี่ยมมาก(พูดได้ว่า เข้ากั๊น..น..น เข้ากัน) หรือถ้านำผลที่แก่จัดมาคั้นน้ำผสมเป็นเครื่องดื่ม หรือทำน้ำผลไม้ปั่น ก็จะได้เครื่องดื่มรสกลมกล่อมชื่นใจ ช่วยดับกระหาย ถ้ายังมีเหลืออีกมากก็นำมาทำมะเฟืองหยี แยมมะเฟือง หรือไวน์มะเฟือง แต่เนื่องจากผลมะเฟืองมีกรดออกซาติกอยู่ค่อนข้างสูง จึงไม่ควรกินในปริมาณมากเกินไป เพราะจะทำให้เป็นฝ้า ไม่ควรกินในขณะมีประจำเดือนเพราะจะทำให้รู้สึกปวดท้อง และสตรีมีครรภ์ไม่ควรกินมากเพราะจะทำให้แท้งได้

      2.ในด้านการทำความสะอาด ดูแลรักษาร่างกาย เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ข้าวของเครื่องใช้
            -ผลมะเฟืองสดที่มีรสเปรี้ยวจี๊ดนั้นมีฤทธิ์เป็รกรดจัด มีค่าpH ประมาณ 3-3.5 นำมาใช้ในด้านการทำความสะอาด ขจัดรอยเปื้อนคราบสกปรกบนมือ เล็บมือเล็บเท้า เสื้อผ้า และใช้ขัดเครื่องทองเหลืองได้สะอาดเงาแวววาว
           -ผลมะเฟืองที่แก่จัดสุกงอม เมื่อนำมาหมักทำเป็นน้ำหมักชีวภาพ มีประโยชน์และมีสรรพคุณหลายอย่าง
 เช่น
                  ใช้เป็นส่วนผสมในสบู่สำหรับล้างหน้า-อาบน้ำ ช่วยขจัดเซลล์ผิวเก่าได้ดี กระชับรูขุมขน ลดสิวลดฝ้า
                  ใช้เป็นส่วนผสมในน้ำยาซักผ้า  ผ้าจะสะอาดมากขึ้น  ถนอมเส้นใยผ้า  และผ้าจะไม่มีกลิ่นเหม็นอับ
                  ใช้เป็นส่วนผสมในน้ำยาสระผมและครีมนวดผม  จะช่วยบำรุงเส้นผมให้นุ่ม เงางาม และขจัดรังแค
                  ใช้เป็นส่วนผสมในน้ำยาทำความสะอาดพิ้น ห้องน้ำ ห้องส้วม เครื่องเรือน เครื่องสุขภัณฑ์ ฯลฯ ขจัดคราบสกปรกได้ดีเยี่ยม และลดกลิ่นเหม็นต่างๆได้ดี
               (อ่านข้อมูลเพิ่มเติมในหัวข้อ ผลไม้ลดโลกร้อน , น้ำหมักชีวภาพ และผลิตภัณฑ์ชีวภาพ)
 
     3.ในด้านที่อยู่อาศัย
            ต้นมะเฟืองนั้นนอกจากจะปลูกไว้ประดับบ้าน ดูดอกเล็กๆที่เป็นช่อสีขาวอมชมพูถึงสีม่วงอ่อน ทั้งน่ารักและสวยงาม ดูผลสีเหลืองที่รูปร่างน่ารักแปลกตาที่ออกเป็นพวงห้อยระย้าเต็มต้นและออกตลอดปีแล้ว ยังให้ร่มเงาได้ดีเพราะมีใบหนาตลอดปี ไม่ผลัดใบ อีทั้งยังปลูกเป็นไม้บังลมได้ด้วย เพราะมีกิ่งก้านที่โอนอ่อนพริ้วไหวไปตามลม ไม่ฉีกหักง่าย


     4.ในด้านการเป็นยารักษาโรค
           เกือบทุกส่วนของมะเฟืองมีประโยชน์ในทางสมุนไพร ใช้ในการรักษาอาการเจ็บป่วยต่างๆได้หลายโรค ได้แก่
          -
ใบมะเฟือง
               นำใบสด(ยอดอ่อน) มาตำให้ละเอียด พอกบนผิวหนัง ช่วยบรรเทาอาการอักเสบ ช้ำบวม 
               นำใบสด(ยอดอ่อน) มาตำให้ละเอียด คั้นน้ำ ทาเก้อาการผื่นคัน กลากเกลื้อน และรักษาโรคอีสุกอีใส 
               นำใบสด มาต้มผสมกับน้ำสะอาด รับประทานเป็นยาถอนพิษไข้ ขับปัสสาวะ ขับฤดู
          - ดอกมะเฟือง
              นำมาต้มน้ำดื่ม ช่วยขับพิษและขับพยาธิ 

          - ผลมะเฟือง
               นำผลสดมาคั้นน้ำดื่ม ช่วยบรรเทาอาการร้อนใน เจ็บคอ ไข้หวัด และเลือดออกตามไรฟัน
               นำผลสุกมารับประทาน เป็นยาระบาย แก้ท้องผูก แก้บิด ขับปัสสาวะ และขับนิ่วในทางเดินปัสสาวะ
          - เปลือกลำต้นมะเฟือง
               นำมาต้มน้ำดื่ม ช่วยลดไข้ แก้ท้องร่วง แก้อาการเมารถ เมาเหล้า และแก้พิษของเฮโรอีนได้
          - รากมะเฟือง(มีฤทธิ์เป็นยาเย็น)
               นำมาต้มน้ำดื่ม ช่วยดับพิษร้อน แก้อาการปวดศีรษะ ปวดตามข้อต่างๆในร่างกาย  บรรเทาอาการท้องร่วงและลดอาการปวดแสบในกระเพาะอาหารได้

            เมื่ออ่านจบ คุณคงต้องรีบไปหาต้นมะเฟืองเปรี้ยวมาปลูกไว้สักต้นแล้วใช่ไหมคะ ขอแสดงความยินดีล่วงหน้าค่ะ
ที่คุณจะได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกบ้านพอเพียง


บทแถมท้าย
"ไวน์มะเฟืองเปรี้ยว homemade "

           มีหลายคนที่ได้ชิมไวน์มะเฟืองเปรี้ยวสูตรครูป้า แล้วเรียกร้องอยากได้สูตรเด็ด เลยจัดให้ตามคำขอค่ะ

           1. มะเฟืองเปรี้ยว ที่แก่จัด สุกงอม(ถ้าปลูกเอง ปลอดสารเคมี จะดีมากๆ)           3          กิโลกรัม
           2. น้ำตาลทราย                                                                             2          กิโลกรัม
           3. น้ำสะอาด                                                                               10          กิโลกรัม
           4. ยีสต์สด   
         

          อุปกรณ์สำคัญที่ขาดไม่ได้ คือ โหลแก้วชนิดที่มีฝาปิดได้สนิท ล้างให้สะอาด ลวกด้วยน้ำเดือด แล้วคว่ำไว้ให้แห้ง

           วิธีทำ (ต้องเน้นความสะอาด)  
           1. นำน้ำสะอาดกับน้ำตาลทรายผสมกัน ต้มให้เดือด ปิดฝาหม้อแล้วตั้งพักไว้ให้เย็น (ถ้าใช้น้ำประปา ต้องเปิดออกจากก๊อกมาพักไว้อย่างน้อย 24 ชั่วโมงให้คลอรีนละเหยไป)
           2. นำผลมะเฟืองไปล้างฝุ่นผงออก พักไว้ให้แห้ง แล้วหั่นตามขวางเป็นชิ้นเล็กๆ          
           3. ใส่มะเฟืองและน้ำเชื่อมที่เย็นแล้วลงในโหลแก้ว
           4. ใส่ยีสต์สด แล้วคนด้วยกระบวยที่สะอาด (ยีสต์สดนี้ถ้าหาไม่ได้จริงๆ ไม่ต้องใส่ก็ได้ เพราะในมะเฟืองจะมีจุลินทรีย์ชนิดดีอยู่แล้ว ยีสต์แต่ละท้องถิ่นจะต่างสายพันธุ์กัน ซึ่งมีผลต่อกลิ่นและรสของไวน์  ครูป้าปลูกมะเฟืองเอง ทำไวน์มะเฟืองครั้งแรก ใช้แผ่นวุ้นที่ขึ้นอยู่บนผิวน้ำหมักฯมะเฟือง ได้ไวน์หอม อร่อย) 
           5. ระยะ 3-5 วันแรกของการหมัก ใช้ใช้ผ้าขาวบางทบกัน 2 -3 ชั้น ปิดปากโหลไว้ และเปิดโหล คนวันละ 2 ครั้ง เพื่อระบายก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออก
           6. จากนั้นปิดฝาโหลให้สนิท ตั้งไว้ในที่ไม่ร้อนและไม่ถูกแสงแดด (ประมาณ 5-7 วันจะเริ่มได้กลิ่นแอลกอฮอล์) หมักประมาณ 15 วัน จึงกรองกากมะเฟืองทิ้ง แล้วนำมาต้ม(ใช้หม้อสแตนเลส หรือหม้อเคลือบ) ให้อุณหภูมิประมาณ 60-65 องศาเซลเซียส หรือเห็นควันขึ้นจางๆ ก็ยกลงตั้งพักไว้ พอไวน์อุ่นๆกรอกใส่ขวดโหลปากแคบ ปิดฝาให้สนิท ตั้งทิ้งไว้ให้ตกตะกอน  
                
             (ป.ล. ไวน์เป็นเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เล็กน้อย จะอร่อยมากเมื่อแช่ให้เย็นจัดๆ 
                                                                          ถ้าจิบวันละน้อย...จะฉ่ำใจ 
                                                                                   ถ้าดื่มมาก...จะเมาตาลาย 
                                                                                            ถ้าดื่มจัด...จะตับวาย
                                                                                                      ถ้าดื่มทั้งเหล้า...ดื่มทั้งไวน์  เตรียมตัวไปสบาย...)
 



view

 หน้าแรก

 บทความ

 เว็บบอร์ด

 รวมรูปภาพ

 ติดต่อเรา

view