Full Version น้ำหมักชีวภาพ เทคโนโลยีชาวบ้านเพื่อเศรษฐกิจพอเพียง พลังมหํศจรรย์ที่เป็นวิทยาศาสตร์

pawana > Article

น้ำหมักชีวภาพ เทคโนโลยีชาวบ้านเพื่อเศรษฐกิจพอเพียง พลังมหํศจรรย์ที่เป็นวิทยาศาสตร์ Date : 2014-01-19 14:30:03

         คุณรู้จักน้ำหมักชีวภาพมากน้อยแค่ไหน ?

         
ปัจจุบันมีการพูดถึงน้ำหมักชีวภาพกันมากขึ้น แต่การพูดถึงมีหลากหลายแง่มุม มีทั้งที่เข้าใจและไม่เข้าใจ เชื่อถือและไม่เชื่อถือ ยอมรับและไม่ยอมรับ แล้วน้ำหมักชีวภาพที่คุณรู้จักเหมือนกับที่กำลังจะพูดถึงนี้หรือไม่
 
         ฉันเริ่มศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับน้ำหมักชีวภาพมาตั้งแต่ พ.ศ.2541 ด้วยความรู้จากการเป็นนักศึกษาเกษตร เกี่ยวกับเรื่องอินทรีย์วัตถุ ฮอร์โมนพืช ธาตุอาหารพืช จุลินทรีย์ ในวิชาเคมีฯ ชีวะฯ วิชาดินและปุ๋ย วิชาโรคและศัตรูพืช ฉันได้นำเอามาประยุกต์ใช้อย่างจริงจังก็ครั้งนี้เอง โดยนำมาเป็นพื้นฐานในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องจุลินทรีย์ การดำรงชีวิตและการทำงานของจุลินทรีย์กลุ่มสร้างสรรค์  นอกจากนี้แล้วฉันยังได้ศึกษาเพิ่มเติมจากเอกสารและตำราต่างๆบ้าง ตลอดจนการการพบปะพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้กับบุคคลต่างๆบ้าง ทำให้อดใจไม่ได้ที่จะลองวิชาของตัวเองดูซิว่ามีระดับไหน ฉันได้ทดลองทำน้ำหมักชีวภาพสูตรต่างๆขึ้นมาหลายสูตร(คิดสูตรเองบ้าง ลองทำตามสูตรของคนอื่นบ้าง) สรุปได้ว่า "น้ำหมักชีวภาพ ก็คือของเหลวที่ได้จากการหมักพืชหรือสัตว์ โดยมีการใช้จุลินทรีย์กลุ่มสร้างสรรค์เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา เพื่อให้ได้สารบางชนิดที่นำมาใช้ประโยชน์ในการดำรงชีวิตได้นั่นเอง ซึ่งสูตรการทำน้ำหมักชีวภาพมีมายมายเป็นร้อยๆสูตรโดยใช้วัตถุดิบแตกต่างกันออกไปตามวัตถุประสงค์ของการนำไปใช้งาน และความสะดวกหรือความยาก-ง่ายในการจัดหาวัตถุดิบ แต่ก็มีกลักการทำเหมือนกันคือนำวัตถุดิบจากพืชหรือสัตว์ที่มีคุณสมบัติตามที่ต้องการจะนำไปใช้ประโยชน์ มาหมักกับสารอาหารที่มีความหวานและให้พลังงาน เช่น กากน้ำตาล น้ำตาลทราย น้ำตาลปึก น้ำตาลอ้อย น้ำมะพร้าว ฯลฯ และเติมจุลินทรีย์กลุ่มสร้างสรรค์(EM)ลงไป เพื่อให้จุลินทรีย์กลุ่มสร้างสรรค์มาช่วยเร่งกระบวนการหมักให้เร็วขึ้น ช่วยยับยั้งจุลินทรีย์กลุ่มทำลายที่จะมาทำให้น้ำหมักเกิดการบูดเน่า และช่วยเสริมประสิทธิภาพของน้ำหมักให้ดียิ่งขึ้น  ฉันได้นำน้ำหมักชีวภาพมาทดลองใช้ในการดำรงชีวิตประจำวันหลากหลายอย่าง จนเห็นผลว่าดีจริงหลายประการ จึงเกิดความคิดอยากจะแบ่งปันความรู้และแบ่งปันน้ำหมักฯ ที่มีอยู่ให้กับญาติสนิท มิตรสหายให้ได้ใช้ของดี ราคาถูก(ที่จริงแล้วพวกเขาไม่ต้องจ่ายเงินเลยเพราะฉันให้เขาไปใช้ฟรีๆ แต่เมื่อ 10 กว่าปีก่อน คนทั่วไปยังไม่รู้จักEM ไม่รู้จักน้ำหมักชีวภาพ ไม่เคยได้ยิน อยู่ๆมีจะมาบอกว่าน้ำหมักชีวภาพ หรือEM หรือผลิตภัณฑ์ชีวภาพนี้ดีนะ มีประโยชน์นะ ทำโน่นทำนี่ได้หลากหลายเกือบ 30 อย่าง กลับถูกมองว่าเป็นพวกไม่ค่อยปกติ โกหก โม้ บ้า งมงาย เพ้อฝัน เว่อร์ ซึ่งตอนนั้นฉันเคยถูกมองอย่างนี้มาแล้ว  ในเวลานั้นฉันรู้สึกโดดเดี่ยวพอควร ได้แต่คิดว่าในเมื่อมันเป็นความจริง คนอื่นไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร เราจะทำของเราอย่างนี้    โดยส่วนตัวนั้น ฉันจะพยายามใช้ภูมิปัญญาพึ่งพาตนเองให้มากเท่าที่จะทำได้ พยายามใช้ทรัพยากรเท่าที่จำเป็น และลดการทำลายสิ่งแวดล้อมให้มากที่สุด ฉันชอบปลูกต้นไม้จึงทำปุ๋ยหมักชีวภาพจากใบไม้และเศษอาหารไว้ใช้เอง และทำน้ำหมักชีวภาพไว้หลายสูตร ทั้งสูตรที่นำมาใช้งานต่างๆโดยตรง เช่น ถูพื้น เช็ดกระจก เทลงท่อระบายน้ำ ฯลฯ และสูตรที่นำมาใช้เป็นส่วนผสมของผลิตภัณฑ์ชีวภาพ เช่น น้ำยาซักผ้า น้ำยาล้างจาน น้ำยาสระผม ครีมนวดผม สบู่ก้อน สบู่เหลว ฯลฯ   ในเวลาต่อมามีสื่อต่างๆทั้ง ทั้งโทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ และวารสารต่างๆ ได้นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการทำน้ำหมักชีวภาพและประโยชน์ของน้ำหมักชีวภาพ จนกระทั่งปีพ.ศ.2550 ฉันได้อ่านพบ บทความที่ผศ.ดร.ไชยวัฒน์ ไชยสุต อาจารย์ประจำคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เขียนถึงการใช้น้ำหมักชีวภาพ ในวารสารเกษตรกรรมธรรมชาติ ฉบับที่ 8/2550 ฉันจึงต้องเก็บวารสารเล่มนี้ไว้เป็นต้นฉบับสำหรับการอ้างอิงว่า น้ำหมักชีวภาพมีประโยชน์จริงๆ และมีมากมายหลายสูตร และสามารถนำไปใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันได้เกือบ 30อย่าง ฉันไม่ได้พูดอย่างเลื่อนลอยไม่มีหลักฐาน และได้เผยแพร่ความรู้และแนวคิดนี้ไปยังคนรอบๆข้าง ทั้งนักเรียน ผู้ปกครองนักเรียน และผู้ที่มีโอกาสได้พบปะพูดคุยให้ไปทดลองทำ ทดลองใช้ คนที่ไม่รู้จักน้ำหมักชีวภาพมักจะรู้สึกว่ามันเหม็น ซึ่งจริงๆแล้วมันเป็นกลิ่นที่เราไม่คุ้นเคย และมันไม่หอมเหมือนน้ำหอมก็เท่านั้นเอง  ต้องลองใช้จึงจะเห็นผลด้วยตัวคุณเอง  ถ้าคุณสนใจข้อมูลเพิ่มเติมว่าน้ำหมักชีวภาพมีพลังมหัศจรรย์ที่เป็นวิทยาศาสตร์อย่างไรละก็ โปรดอ่านให้จบ 

         น้ำหมักชีวภาพ  หมายถึง ของเหลวที่ได้จากการนำอินทรีย์วัตถุ(สิ่งที่ได้จากพืช หรือสัตว์) ไปหมักตามกระบวนการ โดยมีการใช้จุลินทรีย์กลุ่มสร้างสรรค์(EM)เป็นตัวเร่งปฏิกิริยา เพื่อให้ได้สารบางชนิด ที่จะนำมาใช้ประโยชน์ในการดำรงชีวิตต่างๆของมนุษย์ 

        สูตรการทำน้ำหมักชีวภาพเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน ทั้งด้านการเกษตร ด้านสุขภาพ และด้านสิ่งแวดล้อมนั้น มีมากมายหลายสูตร โดยจะใช้วัตถุดิบแตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์ของการนำไปใช้งาน และความยาก-ง่ายในการจัดหาวัตถุดิบของแต่ละคน แต่ละท้องถิ่น แต่ก็มีหลักการเหมือนๆกัน คือ การใช้สารอาหารที่มีความหวานและให้พลังงาน เช่น กากน้ำตาล น้ำตาลทรายธรรมชาติ น้ำตาลปีบ น้ำอ้อย หรือน้ำมะพร้าว ไปใช้ในการเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์จุลินทรีย์กลุ่มสร้างสรรค์(EM)ให้มีปริมาณเพิ่มขึ้นมากๆ เพื่อให้มาช่วยเร่งปฏิกิริยาในกระบวนการย่อยสลายอินทรีย์วัตถุ และช่วยลดปริมาณหรือยับยั้งการทำงานของจุลินทรีย์กลุ่มทำลาย  ฉะนั้นหากท่านจะทำน้ำหมักฯ จึงสามารถเลือกสูตร หรือประยุกต์ใช้วัตถุดิบได้ตามความเหมาะสม
      ใน
บทความเรื่องนี้จะไม่ได้บอกสูตรและวิธีการทำไว้ แต่คิดว่าคุณคงหาได้ไม่ยาก เพียงค้นหาจากคำว่า"สูตรน้ำหมักชีวภาพ" หรือ "การทำน้ำหมักชีวภาพ" ก็ได้เยอะแล้ว และคุณอาจทดลองคิดค้นสูตรใหม่ๆด้วยตัวคุณเองก็ได้

         อยากให้คุณๆที่สนใจหรืออาจเพิ่งเคยรู้จักกับน้ำหมักชีวภาพได้ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม และทดลองนำไปใช้ในชีวิตประจำวันอย่างง่ายๆดูบ้าง แล้วจะรู้ว่าชีวิตที่น้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปประยุกต์ใช้นี้มีดีมากมาย

วัตถุดิบสำหรับทำน้ำหมักชีวภาพ
  
    
         วัตถุดิบที่จะนำมาใช้เป็นส่วนผสมในการทำน้ำหมักชีวภาพนี้
จะเลือกใช้วัตถุดิบอะไรมาหมัก ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการนำน้ำหมักชีวภาพที่ได้ไปใช้ประโยชน์อะไร  แต่ควรเลือกใช้วัตถุดิบที่หาได้ง่ายใกล้ๆตัว ราคาถูก ถ้าไม่ต้องซื้อก็ยิ่งดีมากๆ (หรืออาจเลือกวัตถุดิบที่คนอื่นๆเขาไม่ต้องการหรือคิดว่ามันเป็นขยะแล้ว) วัตถุดิบที่สำคัญได้แก่

     1. อินทรีย์วัตถุ   มี 2 ประเภท คือ จากพืชสด และ จากซากสัตว์
         1.1 พืชสด 
เลือกใช้พืชที่ยังสดใหม่ ไม่เป็นโรค และไม่เน่า ไม่ต้องล้างน้ำทำความสะอาด นำมาใช้
ได้ทุกส่วน ได้แก่ ผลไม้ดิบ  ผลไม้สุก  วัชพืชสด เมล็ดพืชสด  เปลือกผักหรือผลไม้ ลำต้น  ใบ  ดอก  เปลือก  เนื้อ  เมล็ด
         1.2 ซากสัตว์  เลือกใช้ซากสัตว์ที่ตายใหม่ๆ ไม่เน่า ไม่ได้ตายจากการเป็นโรค และใช้ได้ทุกส่วนไม่ว่า  เนื้อ ขน  กระดูก  เกล็ด  ก้าง  เลือด   เมือก   เครื่องใน 

     2. จุลินทรีย์ชนิดสร้างสรรค์  ได้แก่ จุลินทรีย์ชนิดแห้งหรือชนิดน้ำที่มีจำหน่ายในท้องตลาด  เชื้อ พด.ของกรมพัฒนาที่ดิน นมเปรี้ยว โยเกิร์ต หัวเชื้อแป้งข้าวหมาก หรือจุลินทรีย์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในอาหารหมักดองที่มีกลิ่นปกติและมีรสดี และจุลินทรีย์ที่เกิดในผลไม้ที่ใช้ทำไวน์ได้ เช่น สับปะรด องุ่น มะเฟือง ที่แก่จัดสุกงอม(รวมถึงเปลือกสับปะรดที่ปอกทิ้ง) 

     3. สารอาหารที่มีความหวานและให้พลังงาน เช่น กากน้ำตาล  น้ำตาล  น้ำอ้อย น้ำมะพร้าว (เลือกใช้ตามความเหมาะสม)  

     4. ตัวเสริมประสิทธิภาพ  (จะไม่ใช้ตัวเสริมประสิทธิภาพเลยก็ได้ จะใช้อย่างเดียวหรือหลายอย่างผสมกันก็ได้ เช่น น้ำมะพร้าว ไข่สด น้ำนมเปรี้ยว น้ำนมสดชนิดจืด วิตามิน อาหารเสริม ปุ๋ยคอกสด  มูลสัตว์กินเนื้อ)

อุปกรณ์สำหรับหมักน้ำหมักชีวภาพ 

     อุปกรณ์ในการหมักน้ำหมักชีวภาพ ให้ใช้ภาชนะพลาสติกที่มีฝาปิดได้สนิท (ถ้าจะทำเพื่อการบริโภค ต้องใช้โหลแก้ว) ไม่ควรใช้ภาชนะโลหะเพราะกระบวนการหมักทำให้เกิดกรด กรดจะทำปฏิกิริยากัดกล่อนโลหะ และควรใช้ขนาดที่เมื่อใส่วัตถุดิบและส่วนผสมทั้งหมดในภาชนะแล้วให้เหลือที่อากาศเพียงเล็กน้อย

กระบวนการทำน้ำหมักชีวภาพ

    
การทำน้ำหมักชีวภาพให้ได้ผล จะต้องเน้นที่ความสะอาด โดยใช้วัตถุดิบสะอาด ใช้น้ำสะอาด ภาชนะหมักสะอาด วิธีการทำสะอาด ถ้ามีความสกปรกเมื่อใดนั่นหมายถึงคุณกำลังเพาะเลี้ยงและขยายพันธุ์เชื้อโรค

การนำน้ำหมักชีวภาพไปใช้ประโยชน์

     อย่างที่กล่าวไว้ตอนต้นว่าน้ำหมักชีวภาพมีมากมายหลายสูตร จะนำไปใช้ประโยชน์อะไรต้องเลือกให้เหมาะสม และใช้ให้ถูกวิธี จึงจะเห็นผล ถ้าใช้ไม่ถูกต้องจะเกิดผลเสียมากกว่าผลดี 
     


      จากบทความที่ผศ.ดร.ไชยวัฒน์ ไชยสุต อาจารย์ประจำคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เขียนถึงการใช้น้ำหมักชีวภาพในวารสารเกษตรกรรมธรรมชาติ ฉบับที่ 8/2550 ท่านได้กล่าวถึงประโยชน์ของน้ำหมักชีวภาพในชีวิตประจำวันไว้เกือบ 30อย่าง

ประโยชน์ของน้ำหมักชีวภาพ 
 
1. ใช้ประโยชน์ในด้านการเลี้ยงสัตว์

    1. ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการย่อยอาหารของสัตว์  
              การใช้น้ำหมักชีวภาพเจือจางให้สัตว์กินเป็นประจำ ในอัตรา 1 ส่วนต่อน้ำ 1,000 ส่วน จะทำให้สัตว์ย่อยอาหารได้ดีขึ้น โดยเฉพาะถ้าสัตว์กินอาหารประเภทพืชสดหรือหญ้าสด จะช่วยประหยัดอาหารสัตว์
ได้ถึง 30 % เพราะกระบวนการย่อยและดูดซึมสารอาหารจะดีขึ้น

    2. ช่วยเพิ่มความต้านทานโรคให้แก่สัตว์  
              การใช้น้ำหมักชีวภาพเจือจางผสมในอาหารสัตว์หรือน้ำดื่ม ให้สัตว์ดื่มกินเป็นประจำ ในอัตรา
1 ส่วนต่อน้ำ 1,000 ส่วน จะทำให้สัตว์แข็งแรง มีภูมิต้านทานโรคดีขึ้น ช่วยลดความเครียดที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ จากการเปลี่ยนสูตรอาหารในระยะต่างๆของการเจริญเติบโต และจากการขนย้ายสัตว์
 

    3. ช่วยเพิ่มผลผลิต  
              การใช้น้ำหมักชีวภาพเจือจางผสมในอาหารสัตว์หรือน้ำดื่ม ให้สัตว์ดื่มกินเป็นประจำ ในอัตรา
1 ส่วนต่อน้ำ 1,000 ส่วน จะทำให้สัตว์ให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น มีลูกดกขึ้น ไข่ดกขึ้น ปริมาณน้ำนมมากขึ้น


    4. ช่วยลดกลิ่นเหม็นในคอกสัตว์ หรือในฟาร์ม

              การใช้น้ำหมักชีวภาพเจือจางผสมในอาหารสัตว์หรือน้ำดื่ม ให้สัตว์ดื่มกินเป็นประจำ ในอัตรา
1 ส่วนต่อน้ำ 1,000 ส่วน จะทำให้มูลสัตว์มีกลิ่นเหม็นน้อยลง และถ้าใช้น้ำหมักชีวภาพ ในอัตรา 1 ส่วนต่อน้ำ 100 - 300 ส่วน ฉีดล้างคอกสัตว์เป็นประจำ จะช่วยลดกลิ่นเหม็นในคอกหรือในฟาร์ม ส่วนน้ำล้างคอกสัตว์
ถ้านำไปบำบัดอย่างถูกวิธี จะนำไปรดต้นไม้หรือแปลงหญ้าอาหารสัตว์ได้โดยไม่สร้างปัญหาให้กับสิ่งแวดล้อม

    5. ช่วยป้องกันน้ำในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำเน่าเสีย
        การใช้น้ำหมักชีวภาพในอัตรา 1 ลิตร ต่อปริมาณน้ำในบ่อ 10 ลูกบาศก์เมตร ใส่ในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำ
เป็นประจำทุกๆ 7-10 วัน (แล้วแต่สภาพน้ำและความหนาแน่นของสัตว์เลี้ยง) จะช่วยลดความเน่าเสียของน้ำ ทำให้ไม่ต้องถ่ายน้ำบ่อยๆ หรืออาจไม่ต้องถ่ายน้ำในบ่อเลย

 2. ใช้ประโยชน์ในด้านการเพาะปลูกพืช

        การใช้ประโยชน์จากน้ำหมักชีวภาพในด้านการเพาะปลูกพืช ส่วนใหญ่ไม่ได้เน้นที่การใช้เป็นปุ๋ยเพื่อเพิ่มธาตุอาหารให้พืชโดยตรง  แต่จะเป็นการใช้ประโยชน์จากจุลินทรีย์กลุ่มสร้างสรรค์ให้ไปทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์กับกระบวนการปลูกพืชมากกว่า เพราะในน้ำหมักชีวภาพจะมีธาตุอาหารหลัก ธาตุอาหารรอง ธาตุอาหารเสริม หรือ กรดอะมิโนและสารอื่นๆ ในปริมาณมากหรือน้อยเพียงใดนั้น ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่นำมาใช้หมัก  แต่จะนิยมใช้ในกิจกรรมต่อไปนี้มากกว่า
 
    1. ช่วยลดแรงงาน เวลา และค่าใช้จ่ายในการกำจัดชิ้นส่วนของพืชที่เหลือทิ้งจากการเพาะปลูก  
            โดยนำชิ้นส่วนของพืชที่เหลือจากแปลงเพาะปลูก มาแปรรูปเป็นน้ำหมักชีวภาพเพื่อนำกลับไปใช้ประโยชน์ในการเกษตร โดยไม่ต้องขนไปทิ้ง ไม่ต้องเผา

    2. ช่วยปรับสภาพดินให้ดีขึ้น
            โดยนำน้ำหมักชีวภาพผสมกับน้ำให้เจือจาง ในอัตรา 1 ส่วน ต่อน้ำ 1,000 ส่วนรดลงบนดินที่มีอินทรีย์วัตถุผสมอยู่เป็นประจำ จะช่วยปรับสภาพของดินให้ดีขึ้น โดยจุลินทรีย์กลุ่มสร้างสรรค์ จะไปย่อยอินทรียวัตถุให้สลายตัวเป็นธาตุอาหารพืชได้เร็วขึ้น และดินจะโปร่งขึ้น การอุ้มน้ำและการระบายอากาศจะดีขึ้น
   
    3. ช่วยป้องกัน/กำจัดแมลงศัตรูพืชและโรคพืช

             การนำพืชที่มีสารออกฤทธิ์ในการขับไล่หรือกำจัดแมลงศัตรูพืชและโรคพืช มาหมักเป็นน้ำหมักชีวภาพ เช่น สะเดา ตะไคร้หอม บอระเพ็ด ขิง ข่า สาบเสือ ฯลฯ แล้วผสมกับน้ำให้เจือจางในอัตรา 1 ส่วน ต่อน้ำ 500 ส่วน ฉีดพ่นให้ต้นพืชอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยป้องกันและหรือกำจัดแมลงศัตรูพืชและโรคพืชบางชนิดได้
   
    4. ช่วยผลิตฮอร์โมนพืช และสารเร่งการเจริญเติบโตของพืช
             การนำส่วนของพืชที่มีสารกระตุ้นในการผลิตฮอร์โมนพืช เช่น ส่วนยอดของพืช ส่วนดอก หรือผล รวมถึงน้ำมะพร้าว  ฯลฯ มาหมักเป็นน้ำหมักชีวภาพ แล้วผสมกับน้ำให้เจือจางในอัตรา 1 ส่วน ต่อน้ำ 1,000 ส่วน ฉีดพ่นให้ต้นพืชอย่างสม่ำเสมอ จะเร่งการเจริญเติบโตส่วนต่างๆของพืชได้

3. ใช้ประโยชน์ในด้านสิ่งแวดล้อม

    1. ช่วยปรับสภาพแวดล้อมให้ดีขึ้น 
             นำน้ำหมักชีวภาพผสมน้ำในอัตรา 1 ส่วน ต่อน้ำ 200 ส่วนรดลงบนพื้นหรือฉีดพ่นไปตามกอหญ้ารอบๆบริเวณบ้านเป็นประจำ จะช่วยไล่แมลง และขจัดกลิ่นเหม็นรอบๆบ้านได้

   2. ใช้บำรุงสนามหญ้า
             นำน้ำหมักชีวภาพ ผสมน้ำเจือจางในอัตรา 1 ส่วน ต่อน้ำ 1,000 ส่วน ฉีดพ่นให้สนามหญ้า
หลังจากตัดหญ้า อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยให้สนามหญ้าสมบูรณ์ขึ้น

    3. ใช้ดับกลิ่นเหม็นของท่อระบายน้ำ
             นำน้ำหมักชีวภาพผสมน้ำในอัตรา 1 ส่วน ต่อน้ำ 200 ส่วน เทลงในท่อระบายน้ำเป็นประจำ
จะช่วยดับกลิ่นเหม็นของท่อระบายน้ำได้

    4.  ใช้ทำความสะอาดตลาดสด
             น้ำที่ล้างพื้น ถ้านำน้ำหมักชีวภาพผสมน้ำในอัตรา 1 ส่วน ต่อน้ำ 200 ส่วน จะช่วยให้การทำความสะอาดพื้นง่ายขึ้น หรือใช้ราดพื้นเป็นขั้นสุดท้ายหลังจากที่ล้างแล้ว จะช่วยขจัดกลิ่นเหม็นและไล่แมลงต่างๆได้

    5. ใช้ดับกลิ่นเหม็นและลดการอุดตันของท่อระบายน้ำ
             นำน้ำหมักชีวภาพผสมน้ำในอัตรา 1 ส่วน ต่อน้ำ 50 ส่วน เทลงในท่อระบายน้ำ กลิ่นเหม็นจะลดลง และจะช่วยลดการอุดตันของท่อระบายน้ำ

   6. ใช้บำบัดน้ำเสีย
             น้ำหมักชีวภาพเทใส่ในบ่อบำบัดน้ำในอัตรา 1 ส่วน ต่อน้ำที่จะบำบัด 500 ส่วน จะช่วยบำบัด
น้ำเสียได้

4. ใช้ประโยชน์ในครัวเรือน

    1. ใช้ในการอาบน้ำ ล้างหน้า 
              นำน้ำหมักชีวภาพผสมน้ำในอัตรา 1 ส่วน ต่อน้ำ 30 ส่วน อาบน้ำหรือล้างหน้า เป็นประจำ จะช่วยลดกลิ่นตัว ลดสิว ลดฝ้ารักษาโรคผิวหนัง

    2. ใช้ในการสระผม 
              นำน้ำหมักชีวภาพผสมน้ำในอัตรา 1 ส่วน ต่อน้ำ 10 ส่วน สระผม เป็นประจำ ผมจะสะอาด นุ่ม และช่วยลดรังแค แก้คันศีรษะ (ถ้าใช้น้ำหมักชีวภาพจากใบส้มป่อย หรือใบหมี่ จะทำให้ผมนุ่มสลวยเป็นเงางาม)

    3. ใช้ในการซักผ้า
              นำน้ำหมักชีวภาพผสมน้ำในอัตรา 1 ส่วน ต่อน้ำ 5 ส่วน แช่ผ้าทิ้งไว้ 10 นาที แล้วซัก จะช่วยให้ผ้าสะอาด เนื้อผ้านุ่ม คงทน ดับกลิ่นอับ และช่วยฆ่าเชื้อโรคได้ด้วย

    4. ใช้แปรงฟัน
              การใช้แปรงสีฟันจุ่มน้ำหมักชีวภาพเพียงเล็กน้อย แปรงฟันจนสะอาด แล้วบ้วนน้ำล้างปากให้สะอาด จะช่วยขจัดคราบหินปูนและลดกลิ่นปากได้ ถ้าใช้เป็นประจำจะช่วยลดอาการเสียวฟัน ป้องกันฟันผุ
(แต่ไม่ควรใช้ในเด็กเพราะฟลูออไรด์ที่เคลือบฟันอาจถูกสลายจากความเป็นกรดของน้ำหมักชีวภาพชนิดเข้มข้น และไม่ต้องตกใจว่าการใช้น้ำหมักชีวภาพแปรงฟันจะไม่เป็นอันตรายหรือ เพราะนมเปรี้ยวที่เราดื่มกันนั้นก็เป็นน้ำหมักชีวภาพชนิดหนึ่งเหมือนกัน)

    5. ใช้บ้วนปาก
              การใช้น้ำหมักชีวภาพผสมในการทำน้ำยาบ้วนปาก(ศึกษาได้จากสูตรการทำน้ำยาบ้วนปาก)ในอัตราส่วนที่เหมาะสม จะมีฤทธิ์ยับยั้งแบคทีเรียและเชื้อราที่เป็โทษที่อยู่ในช่องปากได้

    6. ใช้ล้างจาน 
              ใช้น้ำหมักชีวภาพ 1 ส่วน ผสมน้ำ 20 ส่วน ล้างจาน หรือใช้น้ำหมักชีวภาพที่หมักจากผลไม้รสเปรี้ยว เช่น มะกรูด หรือมะนาว หรือสับปะรด หรือมะเฟือง 1 ส่วน ผสมน้ำยาล้างจาน 5 ส่วน จะช่วยขจัดคราบไขมันได้ดีขึ้น

    7. ใช้ล้างสารพิษตกค้างในผักและผลไม้
              ใช้น้ำหมักชีวภาพ 1 ส่วน ผสมน้ำ 100 ส่วน แช่ไว้นาน 45 นาที หรือ ใช้น้ำหมักชีวภาพเข้มข้น  แช่ไว้นาน 20 นาที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง จะช่วยลดสารพิษ ทำให้ผักผลไม้กรอบขึ้น และเก็บได้นานขึ้น

    8. ใช้ล้างห้องน้ำ  
              ใช้น้ำหมักชีวภาพ 1 ส่วน ผสมน้ำ 10 ส่วน ราดทิ้งไว้ 10 นาที แล้วขัดถูล้างห้องน้ำ จะช่วยขจัดคราบสกปรก กำจัดกลิ่นเหม็น ฆ่าเชื้อโรค

    9. ใช้ถูพื้น 
              ใช้น้ำหมักชีวภาพ 1 ส่วน ผสมน้ำ 10 ส่วน ซักผ้าถูพื้น จะช่วยขจัดคราบสกปรก  กำจัดกลิ่นเหม็น
และฆ่าเชื้อโรคที่พื้น

     10. ใช้เช็ดกระจก 
              ใช้น้ำหมักชีวภาพ 1 ส่วน ผสมน้ำ 10 ส่วน ชุบน้ำเช็ดคราบสกปรก  แล้วใช้ผ้าแห้งเช็ดตามทันทีอีกครั้งให้สะอาด  จะช่วยขจัดคราบสกปรกได้ดี  กระจกใสสะอาด ฝุ่นเกาะน้อยลง

     11. ใช้ล้างรถ 
              ใช้น้ำหมักชีวภาพ 1 ส่วน ผสมน้ำ 10 ส่วน ล้างคราบสกปรก  แล้วใช้ผ้าแห้งเช็ดตามทันทีอีกครั้งให้สะอาด  จะช่วยขจัดคราบสกปรกได้ดี  สะอาดเงางาม  ฝุ่นเกาะน้อยลง

     12. ใช้ไล่แมลงวัน มด ยุง แมลงสาบ
              ใช้น้ำหมักชีวภาพ 1 ส่วนผสมน้ำ 10 ส่วน ฉีดพ่นในบ้าน ในห้องต่างๆทุกซอกทุกมุม และรอบๆบริเวณบ้านเป็นประจำ อากาศในห้องจะดีขึ้น และจะค่อยๆช่วยลดปริมาณแมลงต่างๆได้

     13.  ใช้กำจัดกลิ่นเหม็นและลดการอุดตันของท่อในห้องครัว ห้องน้ำ ห้องส้วม
              นำน้ำหมักชีวภาพผสมน้ำในอัตรา 1 ส่วน ต่อน้ำ 50 ส่วน ล้างทำความสะอาดพื้นและสุขภัณฑ์ต่างๆ จะทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น กลิ่นเหม็นจะลดลงและช่วยลดการอุดตันของท่อน้ำในห้องครัว ห้องน้ำห้องส้วม

     14. ใช้บำบัดน้ำเสียในครัวเรือนก่อนปล่อยทิ้ง
              ใส่น้ำหมักชีวภาพเทใส่ในบ่อบำบัดน้ำ ในอัตรา 1 ส่วน ต่อน้ำที่จะบำบัด 500 ส่วน จะช่วยบำบัด
น้ำเสียได้

     15. ใช้ทำความสะอาดอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์
              ใช้น้ำหมักชีวภาพ 1 ส่วน ผสมน้ำ 10 ส่วน เช็ดทำความสะอาดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จะช่วยขจัดคราบสกปรกได้ดี

     16. ใช้ทำความสะอาดเครื่องใช้ประเภทเซรามิก เครื่องเงิน เครื่องทอง เครื่องประดับต่างๆ  
              ใช้น้ำหมักชีวภาพ 1 ส่วน ผสมน้ำ 100 ส่วน เช็ดล้างทำความสะอาดจะช่วยขจัดคราบสกปรกได้ดี

 

            " ไม่ลอง ไม่รู้ 
             ไม่ดู     ไม่เห็น 
             ไม่ทำ   ไม่เป็น
             ไม่ใช้    ไม่........"

   

 


ความคิดเห็น

Reply : น้ำหมักชีวภาพ เทคโนโลยีชาวบ้านเพื่อเศรษฐกิจพอเพียง พลังมหํศจรรย์ที่เป็นวิทยาศาสตร์ By : ไก่ Date : 1277142739

สวัสดีครับ คุณครู


ผมสนใจน้ำหมักชีวภาพตอนนี้ผมได้หมักน้ำหมักมังคุดได้1อาทิตย์เหมือนมีตระไคร่น้ำเกาะด้านบนผิวน้ำ


ผมอยากทราบว่าเราจะสังเกตอย่างไรว่าน้ำหมักชีวะภาพนั้นปกติครับ


รบกวนช่วยตอบด้วยครับ


 


Reply : น้ำหมักชีวภาพ เทคโนโลยีชาวบ้านเพื่อเศรษฐกิจพอเพียง พลังมหํศจรรย์ที่เป็นวิทยาศาสตร์ By : ครูป้า Date : 1281124152

ตอบคำถามของคุณไก่
สวัสดีค่ะ และขอโทษที่ตอบคำถามช้าไปเพราะช่วงนี้งานยุ่งมาก เลยไม่ค่อยมีเวลาเข้ามา
คุณไก่ ถามว่า "จะสังเกตอย่างไรว่าน้ำหมักชีวภาพนั้นปกติ"
ในเบื้องต้นจะใช้การเปิดฝาถังหมักเพียงเล็กน้อยแล้วดมกลิ่น
สำหรับน้ำหมักชีวภาพสูตรผลไม้ หรือเปลือกผลไม้ทั่วๆไป ที่ใช้น้ำตาลทรายธรรมชาติเป็นส่วนผสม
ถ้าการหมักได้ผลดี จะมีกลิ่นคล้ายกับไวน์ หรือผลไม้ดอง(ซึ่งบางคนบอกว่าหอม)
แต่ถ้าเสีย จะมีกลิ่นเหม็น หรือ เหม็นเน่า ซึ่งมีสาเหตุหลักเกิดจากมีจุลินทรีย์กลุ่มทำลายปนเปื้อนลงไปมาก
ส่วนสาเหตุย่อยๆ อาจเกิดจากปัจจัยใดปัจจัยหนึ่งหรือหลายปัจจัยร่วมกัน เช่น
-วัตถุดิบที่นำมาหมักสกปรกมากเกินไป
-ถังหมักไม่สะอาด
-น้ำไม่สะอาด
-หัวเชื้อจุลินทรีย์กลุ่มสร้างสรรค์ที่นำมาใส่หมดอายุแล้ว
-มีการเปิดถังหมักดูความเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ (ซึ่งผู้ที่เพิ่งหัดทำน้ำหมักฯใหม่ๆมักจะมีพฤติกรรมอย่างนี้)

Reply : น้ำหมักชีวภาพ เทคโนโลยีชาวบ้านเพื่อเศรษฐกิจพอเพียง พลังมหํศจรรย์ที่เป็นวิทยาศาสตร์ By : พี Date : 1293023387

แล้วถ้าน้ำหมักชีวภาพเป็นลักษณะที่คุณไก่บอกต้องเททิ้งเลยหรือเปล่าคะหรือแก้ไขได้ ถ้าแก้ไขได้ต้องทำอย่างไร
เพราะหมักผลไม้หลายชนิด บางอย่างก็เป็น บางอย่างก็ไม่เป็นค่ะ ชนิดที่เป็นก็เคยลองใส่น้ำตาลเพิ่มไปให้อีกก็หายไป
แต่ก็ไม่กล้าใช้ค่ะ รบกวนขอความกระจ่างด้วยค่ะเพราะเริ่มหัดทำน้ำยาซักผ้าใช้เองค่ะ

Reply : น้ำหมักชีวภาพ เทคโนโลยีชาวบ้านเพื่อเศรษฐกิจพอเพียง พลังมหํศจรรย์ที่เป็นวิทยาศาสตร์ By : ครูป้า Date : 1293534084



ตอบคุณพี  ที่ถามว่า"ถ้าน้ำหมักชีวภาพเป็นลักษณะที่คุณไก่บอกต้องเททิ้งหรือเปล่า หรือแก้ไขได้"
            ขออธิบายเพิ่มจากคำตอบที่เคยตอบคุณไก่ไปแล้ว ดังนี้
            เนื่องจากน้ำหมักชีวภาพใช้วัตถุดิบได้หลาหหลายชนิด คุณลองไปสังเกตให้ละเอียดว่าตะไคร่ที่ว่านั้น
มึสีอะไร กลิ่นน้ำหมักเป็นอย่างไร

            หลังจากหมักไประยะหนึ่ง ถ้าดี จะพบว่าที่ผิวหน้าน้ำหมักจะมีวุ้น เมือก หรือ รา(ชนิดดี จะมีสีออกไปทางขาวๆ หรือนวล) ขึ้นอยู่เต็ม 
            (ได้แทรกภาพเพิ่มเติมในเรื่องน้ำหมักชีวภาพผลไม้: ผลไม้ลดโลกร้อน มาให้ดูด้วย)
            และถ้าเป็นน้ำหมักผลไม้ จะมีกลิ่นหอมของผลไม้(วัตถุดิบต้นกำเนิด)ที่นำมาหมัก เช่น

            - น้ำหมักมะเฟืองที่ดี ที่ผิวหน้าจะเป็นเมือกคล้ายแผ่นวุ้น สีออกไปทางขาวขุ่น หรือนวลๆ และมีกลิ่นหอมของมะเฟือง
            - น้ำหมักมะกรูด หรือ น้ำหมักเปลือกสับปะรดที่ดี ที่ผิวหน้าจะเป็นผงฝ้า(รา) สีขาวนวล และมีกลิ่นหอม
ของมะกรูด หรือสับปะรด

                       ถ้าทำสะอาดและถูกต้องโอกาสที่จะเสียน้อย เพราะบางทีครูป้าทำน้ำหมักชีวภาพสูตรที่ใช้ล้างห้องน้ำ หรือ
ใช้ถูพื้น ก็ไม่ได้ชั่งหรือตวงส่วนผสม แต่จะกะๆส่วนผสมเอา ก็ไม่เสีย แต่สรรพคุณจะไม่ดีเท่าที่ควร ไม่ควรเลียนแบบ)

             แต่ถ้าน้ำหมักชีวภาพสูตรใดก็ตาม ที่ผิวหน้ามีเมือก วุ้น หรือ ฝ้า ที่มีสีออกไปทางกลุ่มสีเขียวเข้ม น้ำตาลดำ หรือดำ และกลิ่นเหม็นเน่า(ย้ำว่ากลิ่นเหม็นเน่า)แสดงว่าเสีย มีจุลินทรีย์กลุ่มทำลายปนเปื้อน นำไปใช้ไม่ได้ ต้องเททิ้ง
            แต่ถ้านำน้ำหมักชีวภาพที่เสียไปเททิ้ง ณ ที่ใด ที่นั้นก็จะเกิดมลภาวะไปนานเลยทีเดียว และจะส่งกลิ่นเหม็นเน่ามาก(กลิ่นเหมือนส้วมแตก ชวนให้เวียนหัว)ถ้าเททิ้งบนพิ้นที่มีแสงแดดจัดส่องถึงนานๆกลิ่นเหม็นจะจางเร็วขึ้น   
            และภาชนะที่เคยบรรจุน้ำหมักที่เสีย ถ้าจะนำมาใช้ ต้องล้างให้สะอาด ตากแดดจัดๆให้แห้งสนิท และใช้
น้ำเดือดลวกฆ่าเชื้อโรค
 ไม่เช่นนั้นแล้ว อาจทำให้น้ำหมักรุ่นใหม่เน่าเสียอีก


Reply : น้ำหมักชีวภาพ เทคโนโลยีชาวบ้านเพื่อเศรษฐกิจพอเพียง พลังมหํศจรรย์ที่เป็นวิทยาศาสตร์ By : อิ๋ว Date : 1296791282

ไม่ทราบว่า ถ้าหมักเศษอาหาร น้ำหมักที่ได้ผล ควรมีลักษณะอย่างไรค่ะ รบกวนช่วยตอบหน่อยค่ะ พอดีได้ทำโครงการน้ำหนักชีวภาพจากเศษอาหารค่ะ เบอร์ติดต่อ 089-7397661 ค่ะ

Reply : น้ำหมักชีวภาพ เทคโนโลยีชาวบ้านเพื่อเศรษฐกิจพอเพียง พลังมหํศจรรย์ที่เป็นวิทยาศาสตร์ By : อิ๋ว Date : 1296791332

ไม่ทราบว่า ถ้าหมักเศษอาหาร น้ำหมักที่ได้ผล ควรมีลักษณะอย่างไรค่ะ รบกวนช่วยตอบหน่อยค่ะ พอดีได้ทำโครงการน้ำหนักชีวภาพจากเศษอาหารค่ะ เบอร์ติดต่อ 089-7397661 ค่ะ

Reply : น้ำหมักชีวภาพ เทคโนโลยีชาวบ้านเพื่อเศรษฐกิจพอเพียง พลังมหํศจรรย์ที่เป็นวิทยาศาสตร์ By : นก Date : 1309237375

ถ้าอยากจะเอาไปทำวิจัยทำได้หรือเปล่าค่ะ

Reply : น้ำหมักชีวภาพ เทคโนโลยีชาวบ้านเพื่อเศรษฐกิจพอเพียง พลังมหํศจรรย์ที่เป็นวิทยาศาสตร์ By : ครูป้า Date : 1310106534

เรียนคุณนก (ขอโทษด้วค่ะที่ตอบช้า) ไม่ทราบว่าคุณนกจะทำวิจัยเรื่องอะไร เพราะจากข้อมูลข้างต้นนี้มีผู้ได้ทดลองนำน้ำหมักชีวภาพไปใช้และเห็นผลจริงมาแล้ว แต่ถ้าคุณนกมีประเด็นอื่นๆที่สามารถวิจัยต่อยอดขึ้นไปอีกได้ก็จะดียิ่งขึ้น  ถ้าได้ผลอย่างไรอย่าลืมนำมาเผยแพร่แลกเปลี่ยนกันบ้างนะคะ


Reply : น้ำหมักชีวภาพ เทคโนโลยีชาวบ้านเพื่อเศรษฐกิจพอเพียง พลังมหํศจรรย์ที่เป็นวิทยาศาสตร์ By : เขม Date : 1320999344

สวัสดีคะครูป้าคะ หมักมะเฟืองได้ระยะหนึ่งมีผ้าสีนวลๆ ขึ้น แต่กลิ่นหอมมะเฟือง พอครบ 3 เดือน นำมากรอง เช็ดหน้า อาบน้ำได้หรือเปล่าคะ
ส่วนอีกถังหมักมะเฟือง (มีบางลูกเริ่มเสียเล็กน้อย) ,มะขามป้อม และกล้วยหอม  , มีมะเฟืองที่หมักแล้ว (กรองน้ำออกแล้ว) และน้ำตาลอ้อยแดง หมักได้เพียงคืนเดียวมีฝ้าสีขาวขึ้นแต่กลิ่นมะเฟืองยังหอมอยู่ แบบนี้ควรหมักต่อดีหรือเปล่าคะ

อีกเรืองนึงคือหัวผักกาดขาว นำมาหมักเพื่อไว้ผสมน้ำเช็ดหน้าได้หรือเปล่าคะ  การหมักพีช ผลไม้ที่ไม่มีรสเปรี้ยวต้องใส่มะนาวหรือพืชที่มีรสเปรี้ยวรวมด้วยหรือเปล่าคะ  ขอบคุณมากค่ะ.


Reply : น้ำหมักชีวภาพ เทคโนโลยีชาวบ้านเพื่อเศรษฐกิจพอเพียง พลังมหํศจรรย์ที่เป็นวิทยาศาสตร์ By : Date : 1321034083

ตอบคุณเขม
ข้อ 1 น้ำหมักชีวภาพเฟืองที่คุณเขมหมักนั้นใช้ได้ เพราะเป็นสภาพปกติของการทำน้ำหมักมะเฟืองที่ดีจะเกิดเป็นวุ้นสีนวลๆที่ผิวหน้า ยิ่งหมักไว้นานชั้นวุ้นจะหนาขึ้น(อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่การทำน้ำหมักชีวภาพสูตรผลไม้) และห้ามนำน้ำหมักฯชนิดเข้มข้น เพราะมีความเป็นกรดมาก(ค่าpH 3) จะกัดผิวหรือทำให้แสบ คัน หรือผิวลอกได้ การใช้ต้องผสมน้ำให้เจือจางก่อน
 ข้อ 2 การหมักโดยใส่กากมะเฟืองที่หมักแล้วลงไปด้วย เพียงคืนเดียวมีฝ้าขึ้นแต่ยังมีกลิ่นหอมของมะเฟือง น่าจะเกิดจากมีปริมาณจุลินทรีย์ชนิดดีที่อยู่ในกากมะฟืองเร่งกระบวนการให้เร็วขึ้น (อาจใช้เพียงแผ่นวุ้นบนผิวหน้าน้ำหมักชีวภาพมะเฟืองมาใส่เพื่อต่อเชื้อก็ได้ ไม่ต้องเอากากมา) แต่ขอย้ำว่าการทำน้ำหมักฯนั้น จะต้องสะอาดทั้งวัตถุดิบ ภาชนะ และกระบวนการทำ
ข้อ 3 ขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าการหมักผลไม้ เป็นวิธีหนึ่งในการสกัดสารอินทรีย์อออกมาจากผลไม้ แต่ขณะเดียวกันในกระบวนการหมักก็จะทำให้เกิดสภาพเป็นกรดด้วย ที่เรียกว่ากรดผลไม้ หรือAHA(Alpha Hydroxyl Acid) ซึ่งยังแบ่งย่อยไปได้อีกหลายชนิดแล้วแต่วัตถุดิบที่นำมาหมัก  AHAนี้ถ้าใช้เข้มข้นมากก็จะลอกผิวได้แต่ต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ การใช้AHAลอกผิวนี้จะทำให้ผิวชั้นนอกบางลงและอาจทำให้ผิวไวต่อแสงมากขึ้นจึงต้องระวังโดยทั่วไปต้องเข้มข้นไม่เกินร้อยละ 10 การใช้หัวผักกาดขาวสดอย่างเดียวมาทาผิวก็มีฤทธิ์ในการกัดผิวมากพอควรแล้วนะคะ ถ้าผิวหนังบางมากเกินไปจะทำให้ผิวได้รับอันตรายจากรังสียูวีมากขึ้นนะคะ


Reply : น้ำหมักชีวภาพ เทคโนโลยีชาวบ้านเพื่อเศรษฐกิจพอเพียง พลังมหํศจรรย์ที่เป็นวิทยาศาสตร์ By : นิด Date : 1341895847

จากการทดลองน้ำหมักมะเฟือง  ได้ผลกี่เปอร์เซ็นคะ  หนูอยากลองทำด้วยตนเองบ้างเพราะอยากพิสูจน์ว่าได้ผลจริงๆๆๆๆไหม  พอดีจะทำวัจัยไปด้วย
ช่วยแนะนำ ทำอย่างไรให้ได้ผลดี  ช่วยตอบกลับด้วยนะคะขอบคุณค่ะ


 


Reply : น้ำหมักชีวภาพ เทคโนโลยีชาวบ้านเพื่อเศรษฐกิจพอเพียง พลังมหํศจรรย์ที่เป็นวิทยาศาสตร์ By : ครูป้า Date : 1342019145

ตอบคุณนิด
ครูป้าใช้น้ำหมักชีวภาพในชีวิตประจำวันหลายอย่างและพบว่าได้ผลจริง แต่ไม่เคยเก็บข้อมูลเป็นเปอร์เซนต์ (ใช้หลายสูตรแล้วแต่ความเหมาะสม)
เช่น สูตรเนื้อมะกรูด ใช้ผสมทำน้ำยาซักผ้า,น้ำยาล้างจาน,น้ำยาล้างรถ  ใช้ผสมน้ำราดดินดับกลิ่นขี้แมว
      สูตรมะกรูดทั้งผล ใช้ผสมทำน้ำยาสระผม     
      สูตรมะเฟือง  ใช้ผสมในสบู่,ครีมนวดผม  ใช้ผสมน้ำแช่ผักให้กรอบขึ้น
      สูตรเปลือกสับปะรด ใช้ผสมน้ำถูพื้นบ้าน ล้างห้องน้ำ ล้างสุขภัณฑ์ ฉีดพ่นดับกลิ่นในห้องครัวและห้องต่างๆ เช็ดกระจก เช็ดทีวี,คอมพิวเตอร์       
      สูตรน้ำซาวข้าว(กากน้ำตาล) ใช้เทราดลงในโถส้วมช่วยการย่อยสลายไม่ให้ส้วมเต็ม  ดับกลิ่นเหม็นในท่อน้ำทิ้ง  บำบัดน้ำเสียตอนน้ำท่วม  
      สูตรผสม(หมักจากวัตถุดิบหลายๆอย่าง เช่น มะม่วงสุกที่ถูกแมลงวันทองเจาะ  เปลือกมังคุด เปลือกไข่  นมบูด  น้ำมะพร้าว กากมะพร้าว น้ำเชื่อมเก่า ฝักคูน ฯลฯ) ใช้ผสมน้ำฉีดพ่นต้นไม้ ทั้งไม้ดอก-ไม้ใบ พบว่าต้นไม้งอกงามดี กุหลาบไม่มีแมลงรบกวน
      กากน้ำหมักสูตรมะกรูด  ใช้แช่-ขัดเครื่องทองเหลืองที่ดำมากๆ


 


Reply : น้ำหมักชีวภาพ เทคโนโลยีชาวบ้านเพื่อเศรษฐกิจพอเพียง พลังมหํศจรรย์ที่เป็นวิทยาศาสตร์ By : ปังปอนด์ Date : 1346050138

วิธีทำน้ำหมักชีวภาพนี่เอาสมุนไพรอื่นมาใส่แทน มะกรูด ได้ไหมครับ


Reply : น้ำหมักชีวภาพ เทคโนโลยีชาวบ้านเพื่อเศรษฐกิจพอเพียง พลังมหํศจรรย์ที่เป็นวิทยาศาสตร์ By : ครูป้า Date : 1346081408

ตอบคุณปังปอนด์  สมุนไพรที่ทำน้ำหมักชีวภาพมีมากมายหลายชนิด แต่ละชนิดก็มีสรรพคุณแตกต่างกันไป อยากให้อ่านเรื่อง "น้ำหมักชีวภาพสูตรผลไม้ / ผลไม้ลดโลกร้อน" ก่อนค่ะ ถ้ายังมีข้อสงสัยก็ถามได้ค่ะ


Reply : น้ำหมักชีวภาพ เทคโนโลยีชาวบ้านเพื่อเศรษฐกิจพอเพียง พลังมหํศจรรย์ที่เป็นวิทยาศาสตร์ By : ปังปอนด์ Date : 1346651519

ขอบคุณมากสำหรับคำตอบครับและหัวข้อที่แนะนำมานี้ทำให้ผมเข้าใจเรื่องน้ำหมักชีวภาพมากขึ้นครับ ผมจะทำรายงานของผมให้ดีที่สุดเลย ขอบคุณครับ


Reply : น้ำหมักชีวภาพ เทคโนโลยีชาวบ้านเพื่อเศรษฐกิจพอเพียง พลังมหํศจรรย์ที่เป็นวิทยาศาสตร์ By : ป้าแดง Date : 1356623070

ได้ทดลองล้างขันใส่บาตรทองเหลืองและเตรื่องลงหินซึ่งมีคราบดำหนามาก ซึ่งเคยขัดด้วยน้ำยาขัดทองเหลือง
เปลืองยาเกือบหมดขวด  เผอิญซื้อน้ำหมักมาก็ไม่ทราบมาก่อนว่าล้างโลหะได้
เมื่อทดลองใช้น้ำหมักมะกรูดล้างคราบดำเกลี้ยงเป็นเงาเหมือนของใหม่ จึงลองมาเปิดเวบอ่าน
ก็พบข้อมูลที่มีประโยชน์มากจึงขอยืนยันประสิทธิภาพของน้ำหมักนี้ ซึ่งจะช่วยประหยัดเงินได้มาก


Reply : น้ำหมักชีวภาพ เทคโนโลยีชาวบ้านเพื่อเศรษฐกิจพอเพียง พลังมหํศจรรย์ที่เป็นวิทยาศาสตร์ By : ครูป้า Date : 1356839441

ตอบคุณป้าแดง
                  ครูป้าทำน้ำหมักไว้หลายสิบสูตร และได้พิสูจน์สรรพคุณมาแล้ว ได้ผลดีจริงๆ จึงนำความรู้มาเผยแพร่ ถ้ามีโอกาสอยากให้คุณป้าแดงช่วยเผยแพร่ความรู้เรื่องประโยชน์ของน้ำหมักฯไปยังคนใกล้เคียงด้วยนะคะ นอกจากจะได้ประหยัดรายจ่ายได้มากแล้ว ยังช่วยกันลดปริมาณการใช้สารเคมี และช่วยลดโลกร้อนด้วย " รักเรา รักษ์โลก"


 


Reply : น้ำหมักชีวภาพ เทคโนโลยีชาวบ้านเพื่อเศรษฐกิจพอเพียง พลังมหํศจรรย์ที่เป็นวิทยาศาสตร์ By : เขียด Date : 1420696721

หนูหมักสัปรดค่ะ ใช้เปลือกสัปรด 10 กก. น้ำตาล 3 กก. ยาคูลท์ 3 ขวด  น้ำ 10 ลิตร มีฝ้าขาวลอยบนผิว หนูไม่ได้ตักออก ทิ้งไว้ประมาณ 2 เดือนกว่าๆ จึงตักฝ้าออก ถูกต้องหรือเปล่าค่ะ ส่วนอีกถังหนึ่งหมักมะเฟือง  เดือนเดียวมีแผ่นวุ้นแข็งๆ ขึ้นเต็มเลยค่ะ เลยตักวุ้นออก อย่างนี้ผิดไหมค่ะ  แล้วจริงๆ ควรเป็นวุ้น หรือเป็นฝ้าขาวค่ะ 


ขอบคุณค่ะ


Reply : น้ำหมักชีวภาพ เทคโนโลยีชาวบ้านเพื่อเศรษฐกิจพอเพียง พลังมหํศจรรย์ที่เป็นวิทยาศาสตร์ By : Name Date : 1422500535

ตอบคุณเขียด  ไม่ต้องตักฝ้าออกค่ะ ปล่อยไว้อย่างนั้นได้ ฝ้าของน้ำหมักมะเฟืองจะเป็นวุ้น ฝ้าของสับปะรด มะกรูด มะนาว ส้ม จะเป็นผงสีนวล